อย่างที่เราเห็นใน Age of Ultron ว่า Cap เป็นคนเดียวที่ทำให้ค้อนขยับได้ แต่ที่เขายังยกไม่ได้นั้นอาจจะเป็นเพราะว่าเขาเคยมีความรู้สึกผิดที่ปิดบังความจริงที่รู้ว่า Bucky เป็นคนฆ่าพ่อแม่ของ Tony
Tony แย่ง Gems มาได้ไง และทำไมไม่ใช้ Time Stone รักษาตัวเอง
Tony ได้ใช้ Nano tech สร้างทั้ง Gauntletใหม่และเกราะของเขาเองทำให้เขาสามารถ สั่งให้มันย้าย Stones ทั้งหมดมาอยู่ในมือของเขาเองได้
ที่ไม่มีใครใช้ Time STone รักษา Tony อาจจะเป็นเพราะพวกเขากลัวมันจะย้อนการ Snap ครั้งสุดท้าย
Sam เป็นตัวแทนของยุคปัจจุบันและเขาเหมาะที่ทำหน้าที่มากกว่า Bucky ผู้ที่มาจากอดีตและยังเข้าใจยุคปัจจุบันไม่ดีนัก
*หลายๆคนสังเกตว่าโล่ที่มอบให้ Sam ไม่เหมือนโล่ที่เขาใช้ตามปรกติ อาจจะไปขอให้ใครซ่อมให้ในอดีต
จะเกิดอะไรขึ้นในหนังเรื่องต่อๆไปอย่าง Spider-man: Far From Home
Joe Russo ยืนยันว่า Ned ถูก Snap ไปพร้อมๆกับ Peter และพวกเขาหายตัวไป5ปีด้วยกัน นั่นหมายความว่า Far from home นั้นเกิดขึ่นในปี 2023? และหนังเรื่องต่อๆไปของ MCU ก็จะดำเนินเรื่องตามนั้นด้วย?? มารอดูกันต่อไป
Doom and Gloom – The Rolling Stones – 2013
ฉาก Rocket ซ่อมยาน
Come and Get Your Love – Redbone – 1973
ฉากบนดาว Morag ตอน Peter Quill กำลังเต้น และ Nebula กับ Rhodey แอบมองเขาอยู่
Hey Lawdy Mama – Steppenwolf – 1970
ฉากที่ Tony กับ Steve ย้อนไปยุค1970 และ Stan Lee Cameo
It’s Been a Long, Long Time – Harry James And His Orchestra – 1945
ฉาก Steve และ Peggy เต้นรำกันในอดีต
Avengers: Endgame (Original Motion Picture Soundtrack)
Alan Silvestri
1. Totally Fine (4:29)
2. Arrival (1:49)
3. No Trust (3:09)
4. Where Are They? (3:12)
5. Becoming Whole Again (3:48)
6. I Figured It Out (4:30)
7. Perfectly Not Confusing (4:46)
8. You Shouldn’t Be Here (3:33)
9. The How Works (3:50)
10. Snap Out of It (2:24)
11. So Many Stairs (1:51)
12. One Shot (2:04)
13. Watch Each Other’s Six (3:56)
14. I Can’t Risk This (4:48)
15. He Gave It Away (3:42)
16. The Tool of a Thief (2:58)
17. The Measure of a Hero (3:05)
18. Destiny Fulfilled (4:05)
19. In Plain Sight (3:14)
20. How Do I Look? (2:06)
21. Whatever It Takes (2:56)
22. Not Good (1:53)
23. Gotta Get Out (2:38)
24. I Was Made for This (4:37)
25. Tres Amigos (3:37)
26. Tunnel Scape (3:16)
27. Worth It (4:15)
28. Portals (3:17)
29. Get This Thing Started (4:54)
30. The One (2:08)
31. You Did Good (1:57)
32. The Real Hero (5:54)
33. Five Seconds (1:45)
34. Go Ahead (2:57)
35. Main on End (3:11)
1.1. Iron Man (2008) – เปิดจักรวาล MCU
1.5 Captain America: The First Avenger (2011) – เปิดตัวกัปตันและ Space Stone
1.6 Marvel’s The Avengers (2012) – Mindstone และเปิดตัวทีม+ Thanos
Phase Two
2.2 Thor: The Dark World (2013) – Reality Stone
2.3 Captain America: The Winter Soldier (2014) – เปิดเผย HYDRA ใน SHIELD
2.4 Guardians of the Galaxy (2014) – Power Stone
2.5 Avengers: Age of Ultron (2015) – แผนของ Tony และจุดเริ่มแตกแยกของทีม
Phase Three
3.1 Captain America: Civil War (2016) – จุดแตกแยกของทีม
3.2 Doctor Strange (2016) – Time Stone
3.5 Thor: Ragnarok (2017) – เล่าเรื่องของชาวแอสการ์ดที่เสียบ้านเกิด
3.7 Avengers: Infinity War (2018) – Soul Stone, Thanos บุกโลก
3.8 Ant-Man and the Wasp (2018) – Quantum Realms
เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาทาง Hongkong Disneyland ได้เชิญทางเพจให้ไปลองเล่นเครื่องเล่น Ant-man and The Wasp: Nano Battle ก่อนจะเปิดจริง!!! โดยหนนี้ได้รับบริการอย่างดีจาก Hong Kong Airline และได้พักที่โรงแรมของ Disney ที่ Disney Explorer Lodge!!
Ant-man and The Wasp: Nano Battle เป็นเครื่องเล่นที่ดำเนินเรื่องต่อจาก Iron Man Experience โดยตอนนี้หน่วย S.H.I.E.L.D ได้มาเปิดศาลา Science Pavillion ที่ฮ่องกงโดยอยู่ข้างๆตึก Stark Expo เลย
แต่ Arnim Zola และ Hydra ได้ใช้โอกาสนี้พยายามแฮ็คเข้าไปเพื่อดูดข้อมูลลับโดยใช้ Nano Bots โชคดีที่ Ant-man และ The Wasp อยู่ที่นี่ด้วย แต่พวกเขาไม่สามารถชนะได้ ถ้าไม่ได้ความร่วมมือจากอาสาสมัครอย่างพวกเรา
ระหว่างรอคิวเราจะเดินผ่านที่ทำงานของพนักงานหน่วย SHIELD และระหว่างทางเดินนั้นจะมีข้อมูลของเครื่องเล่น ของและ Easter Eggs ต่างๆจาก MCU ประดับเต็มไปหมด และในวีดีโอเราจะได้รับการขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ Leslie Lam ผู้ที่ประสานงานให้เราช่วย Ant-man และ The Wasp ในภารกิจครั้งนี้
ตัวเครื่องเล่นเองจะไม่มีอะไรให้หวาดเสียวกรี้ดกร้าดเหมือนกับ Iron Man Experience ที่จะพาเราไปบินไปทั่วเกาะฮ่องกง แต่จุดเด่นของเครื่องเล่นนี้คือรายละเอียด ทั้งพร้อพประกอบฉากต่างๆ ในขณะที่เล่นเราจะไม่รู้เลยว่าเป้าจะปรากฏตรงไหน และ Ant-man กับ The Wasp จะโผล่มาด้านไหนของเครื่องเล่น ทำให้ต้องเล่นซ้ำหนที่สองหนที่สามถึงจะเก็บรายละเอียดได้หมด (ตอนไปเล่นไปสามรอบ 555)
แน่นอนว่าสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยตอนที่เล่นเสร็จแล้วคือส่วน Giftshop ของ Pavillion ที่มีของที่ระลึกทั้งเสื้อผ้าเครื่องใช้เข็มกลัดของเล่น ทั้งลายของหน่วย SHIELD ของ Ant-man and The Wasp แม้แต่ Arnim Zola เองก็ยังมี พวกนี้จะมีขายเฉพาะที่นี่เท่านั้น!!!
จะบอกเลยว่าถ้าเป็นแฟน Marvel และจะแวะไปฮ่องกงแล้วห้ามพลาด Hong Kong Disneyland เลยเพราะที่นี่คือ Marvel hub ของ Asia และจากงานเปิดที่มี Kevin Feige มาด้วย แสดงว่า คงมีแผนสร้างอะไรจากจักรวาล MCU ให้ที่นี่เพิ่มขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน!!!
ติดตามข้อมูลและโปรโมชั่นต่างจาก Hong Kong Disneyland ได้ที่
1952 ช่วงนี้หมดยุคทองของคอมิคแล้ว ทาง Fawcett เห็นว่าคดีที่ยาวมากจะไม่คุ้มเมื่อเทียบกับยอดขาย จึงยอมจ่ายเงินยอมคดีนอกศาลกับ National ประมาณ 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ และหยุดตีพิมพ์หนังสือของตัวละคร Marvel Family ทั้งหมด
1960’s
คอมิคเริ่มเปลี่ยนแนวทางการเล่าเรื่องให้เป็น Sci-fi มากขึ้น โดยหลายๆคนนับว่าเริ่มจาก “The Flashes of Two worlds” ใน The Flash #123 ที่นำ Flashคนใหม่ (Barry Allen) ข้ามไปเจอกับ Golden Age Flash (Jay Garrick)
1961 Timely ที่เปลี่ยนชื่อเป็น Atlas เริ่มใช้หัว Marvel Comics บนหน้าปก และปลายปี Fantastic Four #1 ก็วางจำหน่ายและเริ่ม Marvel age of comics ที่เริ่มแนะนำตัวละครที่เรารู้จักอย่าง Spider-man, IronMan, Thor
1968 Carol Danvers เปิดตัวเป็นตัวละครสมทบใน Marvel Superheroes #13
1970
1972 DC Comics ทำสัญญาเช่าตัวละคร original Captain Marvel จาก Fawcett Comics โดยใช้ชื่อหัวคอมิคว่า Shazam! แต่ยังใช้ชื่อตัวละครเดิมภายในเล่มอยู่
1977 Carol Danver ที่ได้พลังจากการระเบิด (ในหัวของ Marvel SUperheroes)
กลับมามีบทบาทพร้อมมีพลังของตัวเองใน MS marvel (ตั้งชื่อว่า MS เพื่อสะท้อนกระแส feminist ในขณะนั้น)
1980’s -90’s
1982 Death of Captain Marvel เป็นหหนังสือ Graphic Novel เล่มแรกของMarvel comics ที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ และมีขนาดใหญ่กว่าคอมิคทั่วไป โดยในเรื่อง Mar Vell ป่วยเป็นมะเร็งและไม่สามารถรักษาได้แม้จะได้ความช่วยเหลือจากทั้งมิตรและศัตรูทั่วจักรวาล